สรุปหนังสือ เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน

สรุปหนังสือเพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน 01
สรุปหนังสือเพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน 01

สารบัญ : เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน

บทนำ มหัศจรรย์แห่งหุ้น
บทที่ 1 จริงจังกับตัวตรที่แท้จริงก่อนลงทุน
บทที่ 2 ปรับนิสัยก่อนลงทุน
บทที่ 3 จุดเริ่มต้นนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 4 ขั้นตอนที่ 1 หาหุ้นบริษัทดีเข้าพอร์ต
บทที่ 5 ลายแทงหาบริษัทดี ซึ่งทำให้เรารวยได้ในระยะยาว
บทที่ 6 ขั้นตอนที่ 2 ซื้อหุ้นเมื่อราคาถูก
บทที่ 7 ขั้นตอนที่ 3 กระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนหุ้นในจำนวนที่เหมาะสม
บทที่ 8 ขั้นตอนที่ 4 ติดตามผลการดำเนินงานของหุ้นที่เราซื้ออย่างต่อเนื่อง
บทที่ 9 ขั้นตอนที่ 5 ลงทุนระยะยาว ก็ลดความเสี่ยงได้แล้ว
บทที่ 10 ขั้นตอนที่ 6 ศึกษาหุ้นดีและหาหุ้นดีอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 11 ยอมรับข้อจำกัด และลงทุนอย่างมีวินัย
บทที่ 12 ทำอย่างไรถึงมีเงินซื้อหุ้นได้ตลอด

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่สนใจการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร หรือเคยลงทุนมาบ้างแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ผู้เขียนได้ถ่ายทอดวิธีการเลือกหุ้นที่ดี การวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ และการวางใจเป็นนักลงทุนที่ดี เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตงอกงามอย่างยั่งยืน หากคุณปฏิบัติตามแนวทางที่หนังสือได้แนะนำไว้อย่างเคร่งครัด รับรองว่าคุณจะสามารถสร้างความมั่งคั่งจากการ “เพาะหุ้น” ได้อย่างแน่นอน

1.เลือกหุ้นให้เหมาะกับตัวเอง

ก่อนอื่นคุณต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าคุณเป็นนักลงทุนประเภทไหน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนระยะยาว นักลงทุนเน้นปันผล นักเก็งกำไร หรือนักเทรดระยะสั้น รวมถึงต้องมีนิสัยของนักลงทุนที่ดี คือ รักในการเรียนรู้ มีความสุขกับการลงทุน และมีมุมมองบวกต่อตลาด จากนั้นจึงค่อยเลือกหุ้นที่เหมาะกับแนวทางการลงทุนของตน

2.ศึกษาอัตราส่วนทางการเงินในงบเพื่อคัดเลือกหุ้น

ในการเลือกหุ้น ให้เน้นบริษัทที่มีการเติบโตของกำไรอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว อำนาจต่อรองที่ดี เป็นผู้นำในธุรกิจที่ตนถนัด มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ต้องดูทั้งในส่วนของงบกำไรขาดทุน เช่น EPS, GPM, NPM และในงบดุล เช่น D/E ratio, ROE เพื่อให้เห็นภาพรวมของสุขภาพทางการเงินของบริษัท

3.ซื้อหุ้นในราคาที่ถูก โดยดู P/E P/BV

ในการตัดสินใจซื้อหุ้น นอกจากจะดูที่คุณภาพของหุ้นแล้ว ราคาก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ หุ้นที่ดีแต่ราคาแพงเกินไปก็ไม่ควรซื้อ ให้ดู P/E ย้อนหลังอย่างน้อย 10 ปี เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมและของตลาด ส่วน P/BV ก็ควรมีค่าต่ำ โดยพิจารณาควบคู่ไปกับ ROE หากหุ้นมี P/BV ต่ำกว่า ROE/5 แสดงว่าราคาค่อนข้างถูก

3.กระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อหุ้นหลายตัว

อย่าเสี่ยงไปกับหุ้นเพียงไม่กี่ตัว ให้กระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายๆ อุตสาหกรรม โดยถ้าเพิ่งเริ่มลงทุน ให้ลงในหุ้นอย่างน้อย 5 กลุ่ม ส่วนนักลงทุนที่มีประสบการณ์แล้วสามารถลงทุน 10-15 กลุ่มเพื่อกระจายความเสี่ยงได้มากขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 30 กลุ่ม เพราะจะยากต่อการติดตามดูแล

4.คอยติดตามข่าวสารของหุ้นในพอร์ตสม่ำเสมอ

หลังจากลงทุนไปแล้ว ก็ต้องคอยติดตามผลประกอบการของหุ้นแต่ละตัวอย่างสม่ำเสมอ ดูทั้งรายได้ กำไร ส่วนแบ่งทางการตลาด ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท เพื่อประเมินแนวโน้มในระยะยาว หากมีการเปลี่ยนแปลงในทางลบเกิดขึ้น เช่น ยอดขายและกำไรตกต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจต้องพิจารณาขายหุ้นตัวนั้นทิ้งไป

5.ลงทุนระยะยาว อย่าสนใจความผันผวนระยะสั้น

การลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนระยะยาว ต้องอาศัยวินัยและความอดทน อย่าหวั่นไหวไปกับความผันผวนระยะสั้น เพราะบริษัทที่แข็งแกร่งจริงๆ จะสามารถผ่านวิกฤตไปได้ด้วยดีเสมอ ยิ่งลงทุนนานก็ยิ่งได้เห็นพลังของดอกเบี้ยทบต้นและผลตอบแทนที่งอกเงยขึ้นเรื่อยๆ แต่หากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในทางลบ ก็ต้องกล้าตัดขาดทุนด้วยเช่นกัน

6.หมั่นหาหุ้นใหม่ๆ มาสลับเปลี่ยนหมุนเวียน

ตลาดหุ้นมีบริษัทให้เลือกลงทุนอยู่มากมาย นักลงทุนไม่ควรหยุดแค่การถือครองหุ้นชุดเดิมไปตลอด แต่ต้องหมั่นศึกษาและมองหาหุ้นดีๆ ที่น่าสนใจมาเพิ่มในพอร์ตเรื่อยๆ โดยอาจทำ watch list เอาไว้ก่อน แล้วรอจังหวะราคาที่เหมาะสมก็ค่อยซื้อ วิธีนี้จะช่วยสร้างโอกาสในการทำกำไรเพิ่มจากการหมุนเวียนเงินลงทุนไปเรื่อยๆ

7.เริ่มต้นซื้อกองทุนรวมหุ้นง่ายกว่าลงทุนเอง

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีความรู้หรือเวลาเพียงพอในการวิเคราะห์หุ้นด้วยตัวเอง แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการซื้อกองทุนรวมหุ้นไปก่อน เพราะมีผู้จัดการมืออาชีพคอยบริหารเงินให้ และใช้กลยุทธ์ DCA คือ ลงทุนด้วยเงินที่เท่ากันทุกงวดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาดโดยมีความเสี่ยงน้อยกว่า

8.วางแผนสำรองเงินไว้ซื้อเพิ่มในยามตลาดร่วง

ให้แบ่งเงินลงทุนเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกลงทุนในหุ้นได้ 100% แต่อีกส่วนควรเก็บไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงอย่างเช่นกองทุนตลาดเงินหรือตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อพร้อมนำไปช้อนซื้อหุ้นดีในราคาถูกยามที่ตลาดปรับฐานลงแรง การมีเงินสดหรือทรัพย์สินที่เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่ายเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณไม่พลาดจังหวะในการสร้างความมั่งคั่งครั้งใหญ่

9.เรียนรู้และฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

ไม่ว่าจะอ่านหนังสือกี่เล่ม ฟังสัมมนากี่รอบ ก็ยังไม่พอหากขาดการฝึกปฏิบัติจริง เริ่มต้นจากการสร้างความเข้าใจในหลักการเบื้องต้นก่อน แล้วจึงค่อยทดลองเลือกหุ้นที่ตรงใจสัก 3-5 บริษัท ลงทุนด้วยเงินก้อนเล็กๆ บันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้ เช่น ทำไมซื้อหุ้นตัวนั้น ซื้อที่ราคาเท่าไหร่ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ราคาขึ้นหรือลง เมื่อลงทุนจริงจะได้เห็นภาพที่ชัดขึ้น

10.ทำตามแผนอย่างมีวินัย อย่าโลภหรือตื่นตระหนก

หลายคนรู้หลักการแต่ไม่สามารถทำกำไรได้เพียงเพราะขาดวินัยในการลงทุน ต่อให้วางแผนได้ดีเลิศแค่ไหน หากอดใจไม่ไหวโลภไปซื้อหุ้นในราคาที่ไม่เหมาะสม หรือตื่นตระหนกขายหุ้นดีทิ้งเพียงเพราะตลาดผันผวน ก็เท่ากับผิดแผน สิ่งสำคัญคือต้องทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างอดทน มีวินัย และไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์ชั่ววูบ ถึงจะสามารถ “เก็บเกี่ยว” ผลกำไรที่งอกเงยได้อย่างเต็มที่

11.มองการณ์ไกล อย่าหวังรวยเร็ว

การจะประสบความสำเร็จจากการลงทุนได้ต้องมีมุมมองระยะยาว อย่าหวังจะรวยเร็วด้วยการเก็งกำไร เพราะไม่มีใครคาดเดาทิศทางระยะสั้นได้อย่างแม่นยำ จึงเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า แต่หากอดทนถือหุ้นดีไว้นานๆ มูลค่าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นตามผลประกอบการที่ดีในระยะยาวอย่างแน่นอน ยิ่งลงทุนเร็วและนานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้เก็บเกี่ยวดอกผลแบบทบต้นไปเรื่อยๆ จนรวยในที่สุด

12.สำรองเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มในยามตลาดผันผวน

จัดสรรเงินลงทุนเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกลงทุนในหุ้นเต็มที่ ส่วนที่สองเก็บไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและความเสี่ยงต่ำ เช่น ตลาดเงิน หรือตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อรอจังหวะที่ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวลงมาก และนำไปช้อนซื้อหุ้นที่อยากได้ในราคาที่ถูกลง การมีเงินสดสำรองไว้ในยามที่ตลาดผันผวนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสทองในการเพิ่มพูนความมั่งคั่งครั้งใหญ่

13.สร้างพอร์ตให้เติบโตด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

การลงทุนเป็นการเดินทางระยะยาว ต้องอาศัยความอดทนและวินัยเป็นสำคัญ จงลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ไม่หยุดเมื่อตลาดร้อนแรง หรือย่อท้อเมื่อตลาดตกต่ำ สิ่งสำคัญคือต้องยึดมั่นในกลยุทธ์ที่เลือก ไม่ใจร้อนไปกับกระแสตลาด เมื่อเวลาผ่านไป การลงทุนอย่างสม่ำเสมอและมีวินัยจะเผยให้เห็นพลังของการทบต้นที่จะสร้างความมั่งคั่งมหาศาลแก่คุณ

14.ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและฝึกฝนจนชำนาญ

หนังสือให้แนวทางและหลักการพื้นฐานเพียงเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการนำความรู้เหล่านั้นไปประยุกต์ใช้จริง เรียนรู้จากการลงมือทำ เริ่มต้นจากการเลือกหุ้นที่สนใจ 2-3 ตัว ศึกษาบริษัทนั้นอย่างลึกซึ้ง ลองซื้อด้วยเงินลงทุนจำนวนเล็กน้อย สังเกตการเคลื่อนไหวของราคา ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ และบันทึกบทเรียนที่ได้ นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสั่งสมประสบการณ์ เพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นนักลงทุนที่แข็งแกร่ง

15.วางเป้าหมายและทบทวนแผนเป็นระยะ

สุดท้าย การลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากการวางเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เช่น ต้องการเงินเท่าไรเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณ อยากซื้อบ้านในอีกกี่ปีข้างหน้า อยากมีเงินพอส่งลูกเรียนจบมหาวิทยาลัย จากนั้นจึงวางแผนการลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นๆ โดยคำนึงถึงเงินต้น ระยะเวลา และผลตอบแทนที่ต้องการ ระหว่างทางต้องมีวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง คอยติดตามความคืบหน้า และปรับแผนให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและในตลาด นี่คือกุญแจสู่ความสำเร็จของการลงทุนในระยะยาว

สรุป

หนังสือ “เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน” นำเสนอแนวทางการลงทุนในตลาดหุ้นสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่การเลือกแนวทางการลงทุนที่เหมาะสม การคัดเลือกหุ้นคุณภาพ การกระจายความเสี่ยง ไปจนถึงการวางแผนการลงทุนในระยะยาว

ผู้เขียนเน้นย้ำว่าการจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ วินัย ความอดทน และการศึกษาหาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้นยังต้องรู้จักวางแผนการเงิน บริหารความเสี่ยง และกระจายการลงทุนอย่างรอบคอบ แม้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยเคล็ดลับและหลักการที่ได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้ทุกคนสามารถ “เพาะหุ้น” ให้เติบโตงอกงามเป็นพอร์ตการลงทุนที่มั่งคั่งและยั่งยืนได้อย่างแน่นอน