คำสอนของขงจื๊อที่สำคัญที่สุด คือเรื่องใดบ้าง

Table of Contents

ประวัติขงจื๊อ

ขงจื๊อ (孔子, ค.ศ. 551–479 ก่อนคริสต์ศักราช) หรือชื่อเต็มว่า คงชิว (孔丘) เป็นปราชญ์ชาวจีนในสมัยยุควสันตฤดูและใบไม้ร่วง (Spring and Autumn Period) ผู้ก่อตั้งปรัชญาขงจื๊อ (Confucianism) ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อวัฒนธรรม ศีลธรรม และการเมืองในจีนและเอเชียตะวันออก ปรัชญาของเขามุ่งเน้นเรื่องศีลธรรมส่วนบุคคลและของรัฐ ความสัมพันธ์ทางสังคมที่กลมกลืน ความยุติธรรม ความเมตตา และความรับผิดชอบของผู้นำในการปกครองด้วยคุณธรรม ขงจื๊อถูกยกย่องว่าเป็น “ปราชญ์สูงสุด” ของจีน และมรดกของเขายังคงมีอิทธิพลต่อสังคมจีนและโลกจนถึงปัจจุบัน

 

ชีวิตและการศึกษาของขงจื๊อ

ขงจื๊อเกิดเมื่อประมาณปี 551 ก่อนคริสต์ศักราช ที่เมืองโจว (Zou) ในรัฐหลู่ (Lu) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเมืองชวีฝู่ มณฑลซานตง บิดาของเขาคือ คงเหอ (Kong He) ผู้บัญชาการทหารชราที่เสียชีวิตเมื่อขงจื๊ออายุเพียง 3 ปี ทำให้เขาต้องเติบโตในความยากจนกับมารดา หยานเจิงไจ (Yan Zhengzai) ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเขาอายุราว 20 ปี ขงจื๊อได้รับการศึกษาในโรงเรียนสำหรับสามัญชน โดยเรียนรู้ “หกศิลปะ” (Six Arts) อันได้แก่ พิธีการ (rites), ดนตรี, การยิงธนู, การขับรถม้า, การเขียน, และคณิตศาสตร์ แม้จะมีฐานะเป็น “ซือ” (shi) ซึ่งอยู่ระหว่างชนชั้นสูงและสามัญชน ขงจื๊อก็ทำงานหลากหลาย เช่น เป็นผู้ดูแลบัญชีและดูแลปศุสัตว์ เพื่อหาเลี้ยงชีพและจัดการงานศพให้มารดาตามประเพณี

เมื่ออายุ 19 ปี ขงจื๊อแต่งงานกับนางฉีกวน (Qiguan) และมีบุตรชายชื่อ คงลี่ (Kong Li) ต่อมามีบุตรสาวอีกสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขงจื๊อเริ่มต้นชีวิตด้วยความยากลำบาก แต่ความมุ่งมั่นในการศึกษาและการพัฒนาตนเองทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะนักคิดและครู

The Confucius Symbol
The Confucius Symbol (สัญลักษณ์ศาสนาของขงจื๊อ)

อาชีพการเมือง

ในช่วงวัย 20 ปี ขงจื๊อทำงานในตำแหน่งราชการระดับล่างในรัฐหลู่ ซึ่งปกครองโดยตระกูลขุนนางสามตระกูล (Ji, Meng, Shu) ที่มีอำนาจเหนือกว่าดยุคแห่งหลู่ ในปี 501 ก่อนคริสต์ศักราช ขงจื๊อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการเมืองเล็กๆ และต่อมาได้เลื่อนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม (Minister of Crime) เขามุ่งปฏิรูปการปกครองให้อำนาจกลับคืนสู่ดยุค โดยพยายามรื้อกำแพงเมืองของสามตระกูลขุนนางเพื่อลดอิทธิพลของพวกเขา ความพยายามนี้ประสบความสำเร็จบางส่วน เช่น การรื้อกำแพงเมืองของตระกูล Shu และ Ji แต่ตระกูล Meng ปฏิเสธ ทำให้ขงจื๊อมีศัตรูทางการเมืองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับ Viscount Ji Huan

ในปี 497 ก่อนคริสต์ศักราช หลังจากความล้มเหลวในการปฏิรูปและความขัดแย้งกับตระกูลขุนนาง ขงจื๊อตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งและออกจากรัฐหลู่เพื่อใช้ชีวิตในต่างแดน เขาเดินทางไปยังรัฐต่างๆ ในจีน เช่น รัฐเว่ย, ซ่ง, เจิ้ง, ฉู่, และฉี เพื่อเผยแพร่แนวคิดทางการเมืองและปรัชญา แต่ไม่ได้รับการยอมรับให้ปฏิบัติจริงในราชสำนักใดๆ

การลี้ภัยและการกลับสู่บ้านเกิด

ในช่วงลี้ภัย ขงจื๊อเผชิญความยากลำบาก แต่ยังคงสอนศิษย์และเผยแพร่ปรัชญาของเขา ตามบันทึกใน “ซือจี้” (Shiji) รัฐฉีเคยพยายามขัดขวางการปฏิรูปของขงจื๊อในรัฐหลู่โดยส่งม้าและนางระบำมาให้ดยุคแห่งหลู่ ซึ่งทำให้ดยุคละเลยหน้าที่ ขงจื๊อใช้โอกาสนี้เป็นข้ออ้างในการออกจากหลู่เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ผู้นำเสียหน้า

ขงจื๊อกลับสู่รัฐหลู่เมื่ออายุ 68 ปี ตามคำเชิญของ Ji Kangzi รัฐมนตรีใหญ่ของหลู่ ในช่วงบั้นปลายชีวิต เขาทุ่มเทให้กับการสอนและการรวบรวม/แก้ไขตำราวิชาการโบราณ เช่น “ห้าคัมภีร์” (Five Classics) รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านการปกครองแก่เจ้าหน้าที่รัฐ เขาสูญเสียบุตรชายและศิษย์คนโปรดหลายคน และเสียชีวิตด้วยสาเหตุธรรมชาติในปี 479 ก่อนคริสต์ศักราช อายุ 71 หรือ 72 ปี หลุมศพของเขาตั้งอยู่ที่แม่น้ำซือ (Sishui River) เมืองชวีฝู่ ซึ่งต่อมาได้ขยายเป็นสุสานขงจื๊อ (Kong Lin) ขนาดใหญ่และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ปรัชญาของขงจื๊อ

ปรัชญาขงจื๊อเน้นการเป็น “ผู้ส่งต่อ” คุณค่าจากยุคโบราณมากกว่าการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เขาให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยเฉพาะการเรียนรู้จากคัมภีร์เก่าเพื่อพัฒนาตนเองให้เป็น “จวินจื่อ” (junzi) หรือสุภาพบุรุษที่สมบูรณ์แบบ แนวคิดหลักของเขารวมถึง:

  1. ศีลธรรม (Ethics): ขงจื๊อเน้นการพัฒนาตนเองผ่านการฝึกฝนคุณธรรม เช่น ความเมตตา (rén), ความยุติธรรม (yì), และมารยาท (lǐ) เขาสอน “กฎเงิน” (Silver Rule) ว่า “อย่าทำต่อผู้อื่นในสิ่งที่ตนไม่ต้องการให้ผู้อื่นทำต่อตน” (Analects XV.24) คุณธรรมต้องเริ่มจากความจริงใจและความรู้ การกระทำที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงบริบทและสมดุลระหว่างการรักษากฎเกณฑ์และการทำความดี
  2. การเมือง (Politics): ขงจื๊อเชื่อว่ารัฐบาลที่ดีต้องปกครองด้วยคุณธรรมและพิธีการ ไม่ใช่การบังคับหรือลงโทษ เขาเสนอว่าผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อสร้างสังคมที่กลมกลืน และสนับสนุนการคืนอำนาจให้กษัตริย์ที่ปกครองด้วยคุณธรรม แทนการสืบทอดอำนาจโดยสายเลือดเพียงอย่างเดียว
  3. ดนตรีและกวีนิพนธ์ (Music and Poetry): ขงจื๊อมองว่าดนตรีและพิธีการเป็นเครื่องมือสร้างความกลมกลืนในสังคมและจิตใจมนุษย์ เขาให้ความสำคัญกับ “คัมภีร์บทกวี” (Shijing) ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาจิตใจ ความสัมพันธ์ทางสังคม และความเข้าใจในธรรมชาติและการปกครอง

มรดก

หลังการเสียชีวิตของขงจื๊อ ศิษย์ของเขา เช่น เจิงจื่อ (Zengzi) และหลานชาย ซือซือ (Zisi) สานต่อปรัชญาของเขา คำสอนถูกรวบรวมใน “หลุนหยู” (Analects) ซึ่งกลายเป็นคัมภีร์หลักของลัทธิขงจื๊อ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty) ปรัชญาขงจื๊อได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและกลายเป็นรากฐานของการสอบข้าราชการ ซึ่งคงอยู่จนถึงปลายยุคจักรพรรดิจีนในปี 1912

ในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง ลัทธิขงจื๊อพัฒนาเป็น “นีโอ-ขงจื๊อ” (Neo-Confucianism) โดยนักปราชญ์อย่างจูซี่ (Zhu Xi) ซึ่งผสมผสานแนวคิดจากพุทธศาสนาและลัทธิเต๋า ปรัชญานี้ครอบงำจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนามจนถึงศตวรรษที่ 19 ในยุคสมัยใหม่ ลัทธิขงจื๊อถูกวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีน แต่ยังคงมีอิทธิพลในด้านการศึกษาและจริยธรรมในเอเชียตะวันออก

ขงจื๊อยังมีอิทธิพลในตะวันตก โดยเฉพาะในยุคเรืองปัญญา (Enlightenment) ผ่านการแปลผลงานของเขโดยมิชชันนารีเยสุอิต เช่น มัตเตโอ ริชชี (Matteo Ricci) นักคิดอย่างวอลแตร์และเลิบนิซได้รับแรงบันดาลใจจากระบบศีลธรรมของเขา

การสอนและศิษย์

ขงจื๊อเป็นครูคนแรกในจีนที่ส่งเสริมการศึกษาเพื่อสาธารณประโยชน์ เขาสอนนักเรียนกว่า 3,000 คน โดย 70 คนถือเป็นศิษย์ที่โดดเด่น ศิษย์ที่มีชื่อเสียง เช่น ยานฮุย (Yan Hui) และจื่อกง (Zigong) เขาไม่เก็บค่าเล่าเรียน แต่รับของขวัญสัญลักษณ์ เช่น เนื้อแห้ง และยอมรับนักเรียนจากทุกชนชั้น หลักสูตรของเขาคือ “หกศิลปะ” เพื่อพัฒนาคุณธรรมและความสามารถในการปกครอง

อนุสรณ์และทายาท

เมืองชวีฝู่ บ้านเกิดของขงจื๊อ กลายเป็นสถานที่แสวงบุญและมีวัดขงจื๊อ (Temple of Confucius) ซึ่งใช้ในพิธีรำลึกถึงเขา พิธี “จี้คง” (Jikong) ยังคงจัดในไต้หวันและเกาหลีใต้ ทายาทของขงจื๊อ ตระกูลคง (Kong) ถือเป็นตระกูลที่มีลำดับวงศ์ตระกูลยาวนานที่สุดในโลก ปัจจุบันมีทายาทราว 2-3 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงในเกาหลีและไต้หวัน

คำสอนของขงจื๊อที่สำคัญที่สุด คือเรื่องอะไร

ขงจื๊อ หรือ คงฟูจื่อ เป็นปราชญ์ชาวจีนที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวจีนและชาวเอเชียตะวันออกมาอย่างยาวนานกว่า 2,500 ปี คำสอนของท่านครอบคลุมหลากหลายแง่มุมของชีวิต ทั้งด้านจริยธรรม การเมือง การปกครอง การศึกษา และการดำเนินชีวิต แต่หากจะกล่าวถึงแก่นแท้หรือหัวใจสำคัญที่สุดของคำสอนขงจื๊อ สามารถสรุปได้ว่าคือเรื่อง “การพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรม”

 

คำสอนที่สำคัญที่สุดของขงจื้อ
คำสอนที่สำคัญที่สุดของขงจื้อ

แก่นแท้ของคำสอนขงจื๊อ

ขงจื๊อเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีได้ ผ่านการศึกษาเรียนรู้และการฝึกฝนตนเอง โดยเฉพาะการฝึกฝนด้านคุณธรรมจริยธรรม ท่านให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณธรรมภายในจิตใจของมนุษย์เป็นอันดับแรก เพราะเชื่อว่าเมื่อแต่ละคนเป็นคนดีมีคุณธรรมแล้ว ก็จะส่งผลดีต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติโดยรวม

ภาพขงจื้อ โดยจิตรกร ชาวถัง Confucius
ภาพขงจื้อ โดยจิตรกร ชาวถัง Confucius

คำสอนสำคัญของขงจื๊อเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง

1. เน้นการศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ขงจื๊อให้ความสำคัญกับการศึกษาเรียนรู้มาก ท่านมองว่าการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาตนเอง ดังคำกล่าวที่ว่า “การเรียนรู้โดยไม่คิด เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ การคิดโดยไม่เรียนรู้ เป็นสิ่งที่อันตราย” ท่านสนับสนุนให้คนเราแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม

2. ฝึกฝนตนเองให้มีคุณธรรม

ขงจื๊อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีคุณธรรม โดยเฉพาะคุณธรรมที่ท่านเรียกว่า “เหริน” (仁) ซึ่งหมายถึงความเมตตากรุณา ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ท่านสอนให้คนเราฝึกฝนตนเองให้มีเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพและให้เกียรติ

3. รักษาความซื่อสัตย์สุจริต

ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นอีกคุณธรรมสำคัญที่ขงจื๊อเน้นย้ำ ท่านสอนให้คนเรายึดมั่นในความถูกต้อง พูดความจริง และรักษาคำพูด ดังคำกล่าวที่ว่า “คนที่ไม่รู้จักรักษาคำพูด จะทำอะไรสำเร็จได้อย่างไร”

4. มีความกตัญญูกตเวที

ขงจื๊อให้ความสำคัญกับความกตัญญูกตเวทีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความกตัญญูต่อบิดามารดาและบรรพบุรุษ ท่านมองว่าความกตัญญูเป็นรากฐานของคุณธรรมอื่นๆ เพราะคนที่รู้จักกตัญญูย่อมเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม รู้จักตอบแทนบุญคุณผู้อื่น

5. ยึดมั่นในหน้าที่และความรับผิดชอบ

ขงจื๊อสอนให้คนเราตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะหรือบทบาทใดก็ตาม ดังคำกล่าวที่ว่า “ขุนนางต้องเป็นขุนนาง บิดาต้องเป็นบิดา บุตรต้องเป็นบุตร” ท่านเชื่อว่าเมื่อทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ สังคมก็จะเกิดความสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย

6. รู้จักประมาณตน

ขงจื๊อสอนให้คนเรารู้จักประมาณตน ไม่โอ้อวดหรือหยิ่งผยอง ดังคำกล่าวที่ว่า “ผู้รู้ย่อมไม่อวดรู้ ผู้มีคุณธรรมย่อมไม่โอ้อวดคุณธรรม” การรู้จักประมาณตนจะช่วยให้เรามีความถ่อมตนและเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

7. มีความอดทนและพากเพียร

ขงจื๊อเน้นย้ำถึงความสำคัญของความอดทนและความพากเพียร ท่านสอนว่าความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย แต่ต้องอาศัยความพยายามและความอดทนอย่างต่อเนื่อง ดังคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่ผ่านความยากลำบาก”

8. ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง

ขงจื๊อสอนให้คนเราใช้สติปัญญาไตร่ตรองก่อนพูดหรือทำสิ่งใด ไม่หุนหันพลันแล่นหรือใช้อารมณ์ตัดสินใจ ดังคำกล่าวที่ว่า “คนฉลาดคิดก่อนพูด คนโง่พูดก่อนคิด” การใช้สติปัญญาไตร่ตรองจะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและถูกต้อง

9. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

ขงจื๊อให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ 5 ประการ ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง บิดามารดากับบุตร สามีกับภรรยา พี่กับน้อง และเพื่อนกับเพื่อน ท่านสอนให้ปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ ให้เกียรติ และรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของตน

10. ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

ขงจื๊อสอนให้คนเราทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ท่านมองว่าการทำความดีเป็นหน้าที่ของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อความถูกต้องดีงาม ไม่ใช่เพื่อหวังรางวัลหรือชื่อเสียง ดังคำกล่าวที่ว่า “คนมีคุณธรรมทำความดีเพื่อความดี คนไร้คุณธรรมทำความดีเพื่อผลประโยชน์”

การนำคำสอนขงจื๊อไปปฏิบัติ

คำสอนทั้ง 10 ประการข้างต้น ล้วนมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาขงจื๊อ ท่านเชื่อว่าการพัฒนาตนเองเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ เมื่อแต่ละคนเป็นคนดี มีคุณธรรม รู้จักหน้าที่ของตน ก็จะส่งผลให้ครอบครัวอบอุ่น สังคมสงบสุข และประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง

นอกจากนี้ ขงจื๊อยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำคุณธรรมไปปฏิบัติใช้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงแค่เรียนรู้หรือท่องจำหลักธรรมเท่านั้น ท่านสอนว่าการเรียนรู้โดยไม่นำไปปฏิบัติ ก็เหมือนกับการไถนาโดยไม่หว่านเมล็ดพืช ย่อมไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ดังนั้น การพัฒนาตนเองจึงต้องอาศัยทั้งการเรียนรู้และการลงมือปฏิบัติควบคู่กันไป

คุณค่าของคำสอนขงจื๊อในยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน แม้สังคมจะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่คำสอนของขงจื๊อก็ยังคงมีคุณค่าและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนมักให้ความสำคัญกับวัตถุและความสำเร็จภายนอกมากกว่าการพัฒนาจิตใจ การหันกลับมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองด้านคุณธรรมจริยธรรม อาจเป็นทางออกสำหรับปัญหาต่างๆ ในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ความเห็นแก่ตัว หรือการขาดความรับผิดชอบต่อสังคม

 

สรุป

สรุปได้ว่า คำสอนที่สำคัญที่สุดของขงจื๊อ คือการพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ผ่านการศึกษาเรียนรู้ การฝึกฝนตนเอง และการนำคุณธรรมไปปฏิบัติใช้ในชีวิตจริง ขงจื๊อเชื่อว่าการพัฒนาตนเองเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ เมื่อแต่ละคนเป็นคนดี มีคุณธรรม รู้จักหน้าที่ของตน ก็จะส่งผลให้ครอบครัวอบอุ่น สังคมสงบสุข และประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง

การประยุกต์ใช้คำสอนขงจื๊อในชีวิตประจำวัน

การนำคำสอนของขงจื๊อมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้:

1. ฝึกฝนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

  • อ่านหนังสือหรือศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ
  • เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
  • ฝึกคิดวิเคราะห์และไตร่ตรองสิ่งที่ได้เรียนรู้

2. ฝึกฝนคุณธรรมในชีวิตประจำวัน

  • ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตากรุณา
  • ช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังความสามารถ
  • ฝึกการให้อภัยและไม่ผูกใจเจ็บ

3. รักษาความซื่อสัตย์สุจริต

  • พูดความจริงและรักษาคำพูด
  • ไม่คดโกงหรือเอาเปรียบผู้อื่น
  • ทำงานด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใส

4. แสดงความกตัญญูกตเวที

  • ดูแลเอาใจใส่บิดามารดาและผู้มีพระคุณ
  • ระลึกถึงบุญคุณของผู้อื่นและตอบแทนเมื่อมีโอกาส
  • รักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูลและสร้างความภาคภูมิใจให้แก่บรรพบุรุษ

5. ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

  • ตั้งใจทำงานหรือเรียนหนังสืออย่างเต็มความสามารถ
  • รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
  • ช่วยเหลืองานส่วนรวมและสังคม

6. ฝึกความถ่อมตนและรู้จักประมาณตน

  • ไม่อวดดีหรือโอ้อวดความสามารถของตน
  • ยอมรับข้อผิดพลาดและพร้อมแก้ไขปรับปรุง
  • เคารพและให้เกียรติผู้อื่น โดยเฉพาะผู้อาวุโส

7. พัฒนาความอดทนและความพากเพียร

  • ตั้งเป้าหมายและพยายามบรรลุเป้าหมายนั้นอย่างไม่ย่อท้อ
  • ไม่ท้อแท้เมื่อเผชิญกับอุปสรรคหรือความล้มเหลว
  • ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ

8. ใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ

  • คิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนพูดหรือทำสิ่งใด
  • ศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจในเรื่องสำคัญ
  • ไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกชั่ววูบในการตัดสินใจ

9. สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

  • ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพและให้เกียรติ
  • รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นและแน่นแฟ้น
  • สร้างมิตรภาพที่จริงใจและยั่งยืน

10. ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

  • ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
  • ทำหน้าที่พลเมืองที่ดีโดยไม่หวังคำชม
  • สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์

ผลลัพธ์ของการนำคำสอนขงจื๊อมาปฏิบัติ

การนำคำสอนของขงจื๊อมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ จะส่งผลดีทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม ดังนี้:

  1. ตนเอง: จะมีจิตใจที่สงบ มีความสุขที่แท้จริง มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีชีวิตที่มีคุณค่า
  2. ครอบครัว: จะมีความอบอุ่น เข้าใจกัน และมีความสุขร่วมกัน
  3. สังคม: จะมีความสงบสุข มีความเอื้ออาทรต่อกัน และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  4. การทำงาน: จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากผู้อื่น
  5. ความสัมพันธ์: จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ได้รับความเคารพนับถือ และมีมิตรภาพที่แท้จริง

 

อ้างอิง

  1. “The Life and Significance of Confucius”. San José State University. Archived from the original on 27 December 2019. Retrieved 27 September 2017.

  2. Chan, Wing-Tsit, ed. (1969). A Source Book in Chinese Philosophy. Princeton, NJ: Princeton University Press. ISBN 0-691-07137-3.

  3. “Unthinkable: Which ‘golden rule’ of ethics is best, the Christian or Confucian?”. The Irish Times. Retrieved 21 October 2023.

  4. Mark, Joshua J. “Confucianism”. World History Encyclopedia. Archived from the original on 17 April 2021. Retrieved 4 November 2020.

  5. “The Philosophers of the Warring States”. Khan Academy. Archived from the original on 30 April 2023. Retrieved 30 April 2023.

  6. Nivison, David Shepherd (1999). “The Classical Philosophical Writings – Confucius”. In Loewe, Michael; Shaughnessy, Edward (eds.). The Cambridge History of Ancient China. Cambridge: Cambridge University Press. pp. 752–759. ISBN 978-0-521-47030-8.

  7. Hunter, Michael (2017). Confucius Beyond the Analects. BRILL. ISBN 978-9-004-33902-6.

  8. Wilkinson, Endymion (2015). Chinese History: A New Manual (4th ed.). Cambridge, Mass.: Harvard University Asia Center. ISBN 978-0-674-08846-7.

  9. Huang, Yong (2013). Confucius: A Guide for the Perplexed. A&C Black. ISBN 978-1-4411-9653-8.

  10. Creel, H. G. (1949). Confucius: The Man and the Myth. New York: John Day Company.

  11. Rainey, Lee Dian (2010). Confucius & Confucianism: The Essentials. Oxford: Wiley-Blackwell. ISBN 978-1-4051-8841-8.

  12. Legge, James (1887). “Confucius”. Encyclopaedia Britannica, 9th ed., Vol. VI, pp. 258–265.

  13. Yao, Xinzhong (1997). Confucianism and Christianity: A Comparative Study of Jen and Agape. Brighton: Sussex Academic Press. ISBN 978-1-898723-76-9.

  14. Yao, Xinzhong (2000). An Introduction to Confucianism. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-64430-3.

  15. Schuman, Michael (2015). Confucius: And the World He Created. Basic Books. ISBN 978-0-465-04057-5.

  16. Burgan, Michael (2008). Confucius: Chinese Philosopher and Teacher. Capstone. ISBN 978-0-7565-3832-3.

  17. Eno, Robert (2003). “The background of the Kong family of Lu and the origins of Ruism”. Early China. 28: 1–41. doi:10.1017/S0362502800000651.

  18. Dubs, Homer H. (1946). “The political career of Confucius”. Journal of the American Oriental Society. 66 (4): 273–282. doi:10.2307/596405.

  19. Chin, Ann-ping (2007). The Authentic Confucius: A Life of Thought and Politics. New York: Scribner. ISBN 978-0-7432-4618-7.

  20. Riegel, Jeffrey K. (1986). “Poetry and the legend of Confucius’s exile”. Journal of the American Oriental Society. 106 (1): 13–22. doi:10.2307/602359.

  21. Nylan, Michael; Wilson, Thomas A. (2010). Lives of Confucius: Civilization’s Greatest Sage through the Ages. Doubleday. ISBN 978-0-385-51069-1.

  22. “Temple and Cemetery of Confucius and the Kong Family Mansion in Qufu”. UNESCO World Heritage Centre. Archived from the original on 19 November 2019. Retrieved 25 November 2019.

  23. Oldstone-Moore, Jennifer (2003). Understanding Confucianism: Origins, Beliefs, Practices, Holy Texts, Sacred Places. London: Duncan Baird. ISBN 1904292127.

  24. Gardner, Daniel K. (2014). Confucianism: A Very Short Introduction. Oxford: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-539891-5.

  25. Fung Yu-lan (1952). A History of Chinese Philosophy, Vol. 1: The Period of the Philosophers. George Allen & Unwin Ltd. ISBN 978-0-691-02021-1.

  26. Shen, Vincent (2013). Dao Companion to Classical Confucian Philosophy. Springer. ISBN 978-90-481-2936-2.

  27. Bonevac, Daniel; Phillips, Stephen (2009). Introduction to World Philosophy. New York: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-515231-9.

  28. Kirkendall, Jensen Armstrong (14 December 2017). “The Well Ordered Heart: Confucius on Harmony, Music, and Ritual” (PDF). Azusa Pacific University. Archived from the original (PDF) on 13 April 2021.

  29. Cai, Zong-qi (July 1999). “In Quest of Harmony: Plato and Confucius on Poetry”. Philosophy East and West. 49 (3): 317–345. doi:10.2307/1399898.