สรุปหนังสือ Money 101 : เริ่มต้นนับหนึ่งสู่ชีวิตการเงินอุดมสุข

สรุปหนังสือMoney 101 เริ่มต้นนับหนึ่งสู่ชีวิตการเงินอุดมสุข 01 01 01
สรุปหนังสือMoney 101 เริ่มต้นนับหนึ่งสู่ชีวิตการเงินอุดมสุข 01 01 01

สารบัญ : 

  • วิชาทำงานไปจากท้องเรียน บรรทัด
  • การเงินงาย เมื่อเข้าใจชีวิต บรรทัด
  • สองคำศัพท์สำคัญในโลกการเงิน บรรทัด
  • งบการเงินส่วนบุคคล บรรทัด
  • ปรัชญาพอเพียงของการออม บรรทัด
  • การไปมันนี่ (จน) คือลาภอันประเสริฐ บรรทัด
  • ฝันอย่างใคร่ไร้…ต้องมีแผน บรรทัด
  • วางแผนรับมือกับเรื่องร้าย ๆ บรรทัด
  • ลงทุนไม่ใช่เสี่ยงโชค บรรทัด
  • ทำให้ชีวิตมีรายได้หลายทาง
  • ฯลฯ

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือ “MONEY 101 เริ่มต้นนับหนึ่งสู้ชีวิตการเงินอุดมสุข” เปรียบเสมือนประตูบานแรกที่จะพาทุกคนเข้าสู่การบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลที่ถูกต้อง เพื่อสร้างรากฐานอนาคตทางการเงินที่มั่นคงและอุดมสุข โดยผู้แต่ง โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ รวบรวมหลักคิด แนวทางการบริหารเงิน และเทคนิคการวางแผนการเงินที่ตนเองใช้สอนให้ผู้คนนับหมื่นมาตลอด 14 ปี มากลั่นเป็นเนื้อหาง่ายๆ เข้าใจได้ทันที เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ยังแทรกเรื่องราวและกรณีศึกษาจริงจากชีวิตของผู้คนมากมาย ที่สะท้อนให้เห็นว่าหากมีองค์ความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง คนเราก็สามารถก้าวไปสู่อนาคตทางการเงินที่สดใสได้ ไม่ยากเลย

1. ตั้งเป้าหมายการเงินให้ชัดเจน

จุดเริ่มต้นของการบริหารการเงินที่ดีคือการรู้ว่าเราต้องการอะไร ด้วยการตั้งเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายการเงินที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น โดยต้องนิยาม “ความรวย” ในแบบของตัวเองให้ได้ก่อน ไม่ใช่ตามกระแสสังคมหรือคนอื่น จากนั้นจึงแปลงเป้าหมายชีวิตมาเป็นตัวเลขทางการเงิน เพื่อให้รู้ว่าเราต้องใช้เงินเท่าไรในการบรรลุเป้าหมายนั้นๆ และวางแผนเส้นทางการเงินให้สอดคล้องกัน เพราะหากไร้ซึ่งทิศทางที่ชัดเจนแล้ว การบริหารเงินก็จะเป็นไปอย่างไร้จุดหมาย

2. ทำความเข้าใจเรื่อง “สภาพคล่อง” และ “ความมั่งคั่ง”

ในการบริหารเงินนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ “สภาพคล่อง” คือการมีกินมีใช้ มีเงินเหลือเก็มสะสมได้ในแต่ละเดือน ขณะที่ “ความมั่งคั่ง” คือการมีทรัพย์สินทุกรูปแบบมากกว่าหนี้สิน ซึ่งถ้าจะสร้างความมั่งคั่งได้ ก็ต้องจัดการสภาพคล่องให้ได้ก่อน นั่นคือการหักเงินเก็บออมก่อนเสมอทุกครั้งที่ได้รับรายได้เข้ามา เพื่อสะสมให้เกิดกองทุนในการต่อยอดสร้างความมั่งคั่งต่อไป

3. จัดทำงบการเงินส่วนบุคคล

การจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย จะช่วยสะท้อนพฤติกรรมการใช้เงินของเรา บอกได้ว่าเราได้เงินจากไหนบ้าง ใช้จ่ายไปกับอะไร และเหลือเงินเก็บเท่าไรในแต่ละเดือน ขณะที่การทำงบแสดงฐานะการเงินจะช่วยบอกภาพรวมทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดว่ามีเท่าไร ทำให้รู้ว่าตอนนี้สถานะการเงินของเราเป็นอย่างไร ต้องปรับปรุงหรือแก้ไขส่วนใด เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินให้มากขึ้น

4. วางแผนการออมและการลงทุน

เมื่อเริ่มมีเงินเหลือจากการใช้จ่าย สิ่งแรกที่ควรทำคือการแบ่งเงินมาสะสมเป็น “เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน” ให้ได้อย่างน้อย 6-12 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิต จากนั้นจึงนำเงินส่วนที่เหลือไปแบ่งลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้มูลค่าเพิ่มพูนขึ้นในอนาคต โดยผู้แต่งแนะนำให้เริ่มจากกองทุนรวมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน เพื่อลดความผันผวน และทยอยสะสมความรู้ความเข้าใจในการลงทุนด้วยตัวเองควบคู่กันไป

5. รู้จักจัดการความเสี่ยงในชีวิต

ความเสี่ยงต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพ ความเสี่ยงต่อทรัพย์สิน หรือความเสี่ยงต่อรายได้ ล้วนส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินทั้งสิ้น ดังนั้นเราจึงต้องรู้จักวางแผนรับมือ ทั้งด้วยการเตรียมเงินสำรองรองรับ การทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันทรัพย์สิน หรือการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้ความมั่นคงทางการเงินของเราต้องสะดุดหรือพังทลายลงเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้ามา

6. ออกแบบการใช้เงินอย่างมีเป้าหมาย

การจ่ายเงินทุกครั้งล้วนเป็นการเลือก ที่ส่งผลต่อสถานะการเงินในอนาคตแทบทั้งสิ้น ผู้แต่งจึงแนะนำให้ออกแบบการใช้เงินอย่างมีสติ โดยยึด 2 หลักการ คือ 1) เลือกจ่ายให้ตัวเองก่อนเสมอ ด้วยการหักเงินออมไว้ก่อนนำไปใช้จ่าย และ 2) เลือกจ่ายโดยคำนึงถึงผลที่มีต่อสภาพคล่องเป็นหลัก หากการจ่ายครั้งนั้นทำให้เงินขาดมือโดยไม่จำเป็นก็ควรเลี่ยง เพื่อรักษาวินัยทางการเงินของเราไว้

7. ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือทางภาษี

ความเข้าใจเรื่องภาษีจะช่วยให้เราสามารถวางแผนและบริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในแง่ของการเลือกรูปแบบการออมและการลงทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมถึงการจัดเตรียมหลักฐานเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆ เพื่อช่วยลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย จะได้เก็บเงินไว้ต่อยอดได้มากขึ้น

8. บริหารหนี้ให้ก่อประโยชน์ ไม่ก่อโทษ

หนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเสมอไป หากเราเข้าใจความแตกต่างระหว่างหนี้ดีและหนี้ไม่ดี หนี้ดีคือหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้หรือทำให้มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น เช่น หนี้เพื่อการลงทุน หรือหนี้เพื่อซื้อบ้าน ส่วนหนี้ไม่ดีคือหนี้ที่เป็นรายจ่าย ทำให้เงินรั่วไหลออกไปโดยไม่มีผลตอบแทน เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้ผ่อนสินค้า หากวางแผนอย่างรอบคอบ การบริหารหนี้ดีถือเป็นวิธีสร้างความมั่งคั่งได้เช่นกัน

9. วางแผนการเงินระยะยาวเพื่อเกษียณรวย

การเกษียณรวยคือเป้าหมายสำคัญของทุกคน โดยการเตรียมตัวตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยการออมและลงทุนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้มูลค่าเงินงอกเงยด้วยพลังดอกเบี้ยทบต้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผู้แต่งแนะนำให้แบ่งพอร์ตลงทุนเป็น 3 ส่วน คือ 1) เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 2) เงินเกษียณรวย เน้นลงทุนระยะยาว และ 3) เงินเกษียณเร็ว สำหรับใช้จ่ายยามเกษียณ โดยวางแผนออมเท่าที่จำเป็น และนำเงินที่เหลือไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง

10. สร้างอัตราเร่งทางการเงินด้วยอาชีพเสริม

การมีรายได้เดียวอาจไม่เพียงพอต่อการสร้างความมั่งคั่งได้อย่างรวดเร็ว การหารายได้เสริมจากอาชีพที่สองจึงเป็นทางเลือกที่ดี โดยเราสามารถนำความรู้ ทักษะ ความสามารถพิเศษ หรือประสบการณ์ที่มี มาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับงานพิเศษ การสอนหรือที่ปรึกษา หรือการผลิตสินค้าและบริการเพื่อขาย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้แล้ว ยังเป็นการสร้างอิสรภาพทางการเงินจากการไม่ต้องพึ่งพานายจ้างเพียงรายเดียวอีกด้วย

11. ใช้ประโยชน์จาก “พลังงานทวี” เพื่อเร่งความมั่งคั่ง

หากอยากสร้างความรวยอย่างก้าวกระโดด อีกวิธีหนึ่งคือการใช้เงินของคนอื่น (Other People’s Money) มาต่อยอดการลงทุน ซึ่งอาจอยู่ในรูปของเงินกู้ยืม หรือผู้ร่วมลงทุน วิธีนี้ช่วยให้เรามีเงินทุนจำนวนมากในการซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำมาปล่อยเช่าหรือขายต่อในราคาที่สูงขึ้น แต่ต้องวางแผนให้รอบคอบ เพราะการใช้เงินคนอื่นย่อมมีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ

12. สร้างอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่วัยหนุ่มสาว

เป้าหมายสูงสุดของการเงินคือการสร้าง “อิสรภาพทางการเงิน” คือการมีรายได้จากสินทรัพย์มากกว่ารายจ่าย โดยไม่ต้องพึ่งพารายได้จากการทำงานประจำ ซึ่งหากวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน เราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว โดยเริ่มจากการกำหนดรูปแบบชีวิตที่ต้องการ คำนวณค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และตั้งเป้าหมายรายได้จากสินทรัพย์ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายดังกล่าว แล้วลงมือสร้างสินทรัพย์ตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด

13. พัฒนาความรู้ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง

โลกการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา การจะเป็นนักบริหารการเงินที่ดีได้นั้น จึงต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่ง ทั้งการอ่านหนังสือ บทความ งานวิจัย การเข้าอบรมสัมมนา การพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้รู้ รวมถึงการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ โดยต้องพร้อมที่จะปรับตัวและยืดหยุ่นวิธีคิด เมื่อพบวิธีการหรือแนวทางใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม

14. ลงมือทำทันทีตั้งแต่วันนี้

ไม่มีคำว่า “สาย” สำหรับการเริ่มต้นจัดระเบียบการเงิน แม้ความรู้และความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากขาดการลงมือทำก็ไร้ประโยชน์ การนำหลักคิดต่างๆ ไปปฏิบัติใช้กับชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอต่างหากที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง ดังนั้นอย่ารอช้า ให้เริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว เช่น การจดบันทึกรายรับรายจ่าย การตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การเปิดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ แล้วค่อยๆ ต่อยอดไปสู่เรื่องใหญ่ๆ ทีละขั้นตอน รับรองว่าชีวิตการเงินของคุณจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

15. สร้างทัศนคติที่ดีต่อการเงิน

สุดท้ายนี้ ผู้แต่งย้ำว่าหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการบริหารการเงิน คือการมีทัศนคติที่ถูกต้อง นั่นคือการรู้จักรับผิดชอบต่อผลของการกระทำทางการเงินของตัวเองทั้งในอดีตและปัจจุบัน การมีความรู้ความเข้าใจในการวางแผนการเงินที่ถูกต้อง และที่สำคัญที่สุดคือการมีวินัยในการออม ใช้จ่าย และลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากทำได้ครบทั้ง 3 ประการ ชีวิตการเงินอุดมสุขที่ทุกคนใฝ่ฝันก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

สรุป

“MONEY 101 เริ่มต้นนับหนึ่งสู้ชีวิตการเงินอุดมสุข” คือคู่มือการจัดการการเงินส่วนบุคคลแบบรวบรัด ที่จะช่วยวางรากฐานความคิดและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องให้กับผู้อ่าน ตั้งแต่เรื่องของการออม การใช้จ่าย การลงทุน การบริหารความเสี่ยง การออกแบบอาชีพและรายได้ จนถึงการวางแผนเกษียณอย่างมีอิสรภาพทางการเงิน โดยเน้นเนื้อหากระชับ อ่านเข้าใจได้ง่าย ประกอบกับการยกตัวอย่างจากเรื่องราวชีวิตจริงมากมาย

จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจอยากพัฒนาความรู้ด้านการเงินส่วนตัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ว่าใครก็ตาม ผู้แต่งเน้นย้ำว่าองค์ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่อาจเปลี่ยนชีวิตได้ หากเราไม่ลงมือทำอย่างจริงจัง

โดยเริ่มต้นจากวันนี้ ด้วยการสร้างวินัยและความมุ่งมั่นในการบริหารเงินอย่างมีเป้าหมาย เพื่อสร้างอนาคตทางการเงินที่สดใสและอุดมสุขได้ด้วยตัวเราเอง