Forex กับ Global Macro

Global Macro เป็นกลยุทธ์ Hedge Fund ชอบใช้ ผมก็ไม่ใช่ Hedge Fund Manager หรอกนะครับ แต่เราก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้ ส่วนใหญ่จะมองเป็นระยะยาวมากกว่า

 

การเทรด Forex โดยใช้ Global Macro มีให้เห็นน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วเพราะว่าพวก Broker เค้าเอาเปรียบเราจาก Swap เลยถือยาวแล้วค่อนข้างเสียเปรียบ ้ถ้าแค่ถือ 1 ปีนี่ก็เหนื่อยแล้ว โดน Swap กินหมด ระหว่างทางจึงต้องมีการตอดเข้าเป็นระยะครับ เพื่อลดต้นทุน

วันนี้ผมก็เลยไม่ได้มานำเสนอนะครับ แค่มาแบ่งปันแนวคิดเท่านั้น (แนวคิดไม่ใช่วิธีการ) สำหรับใครไม่รู้จัก Global Macro แนะนำ Google ก่อนเลยนะครับ

มุมมอง Global Macro ต้องย้อนไปประมาณ 1 เดือนก่อนเขียนบทความนี้ ก่อนส่ง Position นี้พอสมควรครับ

1 เดือนก่อนหน้า 

ปลายเดือน มิถุนายน ผมมีความรู้สึกว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมามาก มันแสดงถึงความกังวลในราคสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น จึงมีการย้ายเงินเข้าสู่สินทรัพย์ที่มั่นคงกว่า การเคลื่อนย้ายเงินลักษณะนี้ มักจะเกิดยาวนาน จะเห็นได้จากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ที่ขึ้นมาเป็นระยะ ในตอนนั้นผมได้คาดการณ์ไว้ว่า ราคาทองคำจะถึง 2000 USD ต่อ ออนซ์ แต่ผมก็ไม่ได้เข้าเทรดเพราะว่าการจัดการกลยุทธ์ที่ลำบาก (อันนี้ไม่ขออธิบายเพราะต้องอธิบายยาวมาก)

เมื่อคิดเช่นนั้นผมคิดว่า ค่าเงินที่จะได้รับผลกระทบที่สุดมี 2 ค่าเงิน คือ USD และ CHF เนื่องจาก USD เป็นค่าเงินฝั่งตรงข้ามของโลก เพราะว่า USD ถูกเก็บเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ เมื่อคนหมดความศรัธาในเงิน ก็จะขายเงินไปซื้อทอง มันจึงย้ายไปที่ทองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทีนี้ประเด็นคือ ก่อนหน้าทองคำมีการลดลงมาอย่างยาวนานก่อนจะซึมอยู่ระดับ 1200 USD ต่อออนซ์ แต่ก่อนหน้านั้นมันไม่ได้ลงแค่ USD แล้วค่าเงินอะไรบ้างหล่ะที่มันลงมาเยอะขนาดนั้น

แล้วมันไปเกี่ยวกับ GBPJPY ยังไง

เงินก็เหมือนสินทรัพย์นั่นแหละครับ อังกฤษก็เป็นประเทศที่มีประชากรพอ ๆ กับไทย มีการใช้ค่าเงินมาอย่างยาวนาน มีความเป็นชาตินิยม ฟุตบอลก็ได้รับความนิยม และที่สำคัญ ค่าเงินลดลงมาบักโกรก มาดูเปรียบเทียบกัน

ในกรอบ 4 เหลี่ยมสีแดง คือการเปรียบเทียบราคาสินทรัพย์ที่ลดลง ซึ่งจะเห็นว่า เงินปอนด์ลดลงอย่างมาก มากกว่าช่วงวิกฤติแฮมเบอเกอร์ 2008 เสียอีก นี่แหละครับทำให้ผมสนใจค่าเงิน ปอนด์ขึ้นมา

ลองดูในวงกลมสีฟ้าสิ จะเห็นว่า มันก็ขึ้นมาพร้อม ๆ กันเลยนะครับ การเทรดลักษณะนี้ จึงคิดกลยุทธ์ Long Only Strategy ขึ้นมา

อ้าวแล้วทำไม GBPJPY!

ถ้าหากเปรียบเทียบค่าเงิน ระหว่าง GBPUSD กับ GBPJPY ทำไมผมถึงมาเทรด GBPJPY เพราะว่าง่าย ๆ คือเหตุผลทางด้านความถูกของราคาเป็นอันดับแรก

ใน highlight สีฟ้าจะเห็นว่า ราคาของ GBPUSD อยู่ใกล้ระดับเส้นสีแดง คือเส้น Standard Deviation ของ Bollinger Band แล้ว แต่ว่า GBPJPY มันยังห่างอยู่ ผมจึงเลือกเทรด GBPJPY แทนครับ นั่นคือ มีระยะให้วิ่งมากกว่านั่นเอง

หลังจากนั้นไม่นานประมาณ 1 อาทิตย์ผมก็เริ่มวาง position เพื่อส่งคำสั่งเทรด และทำกำไรมาเรื่อย ๆ กลยุทธ์ของผมง่าย ๆ คือ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ

  • การเทรดสั้น กินกำไรระยะสั้นครับ 1 ชุด นั่นคือ จะมีชุดที่ผมทำกำไรปิดระหว่างทางมาตลอด ย่อก็เข้าเทรด เมื่อพุ่งก็ทำกำไร ไปตลอดทาง
  • การเทรดยาว เรียกว่าสะสม position ที่ได้เปรียบ คือ กะกินยาวไปจนถึงเส้นแดงที่กะไว้ของ GBPJPY

ถึงตรงนี้ใครที่ไม่รู้จักการวางกลยุทธ์เพื่อสร้าง Mindset ที่ดีต้องคิดแล้วนะครับ (ผมเคยเขียนไว้ในหนังสือของผม จำไม่ได้ว่าเล่มไหน น่าจะ หลักการเก็งกำไรใน Forex)

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เรามักจะไม่ทนรวย เพราะคิดว่ามันจะลงอยู่ตลอดเวลาครับ เพราะเรามักคิดว่ามันขึ้นมาเยอะแล้ว

กลยุทธ์ คือ เพื่อป้องกันการคิดว่ามันจะลง ก็ทำการเทรดสั้น ขณะที่ออเดอร์ยาว ก็เอากำไรระยะสั้นนั่นแหละมาสะสมครับ

ในภาพเป็นตัวอย่างออเดอร์ที่ปิดทำกำไรมาตลอดทาง มีเกเรเล่น Short บ้าง ตามความหวั่นไหวระยะสั้นเพื่อกะกินกำไร แต่โดยรวมก็ยัง Cut loss ได้ ถึงตรงนี้ระบบเทรดที่ดีต้องมี Cut loss ครับและต้องไม่ Overtrade มันเป็นผลทางจิตวิทยา หาอ่านได้ในหนังสือผมนั่นแหละครับ แชร์ขนาดนี้ไม่มีแล้ว

วันนี้ก็เป็นเหตุการณ์ปัจจุบันของการเทรด ก็แค่มาเล่าสู่กันฟัง เป้าหมายยังอีกไกล แต่กำไรก็ทำมาตลอดทางหล่ะครับ ไม่ได้เพิ่งจะทำ

แค่นี้ก็ 400 ปอนด์ละครับ เฉพาะเดือนนี้นะ เดือนถัดไปผมก็ทำกำไรไปเรื่อย ๆ ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตุดีดี ก็จะเห็นว่ามี position เล่นสั้น ๆ เหลืออยู่ข้างบนในภาพอยู่ ผมก็ตอดเล่นสั้นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ พอมันลง ผมก็มีกำไรตุนทำให้ผมกล้าถือ Position ยาวไงหล่ะครับ เพราะผมก็มีกำไรตุนแล้ว มัน

ตอนนี้หน่ะหรอครับ?

 

ฝากทิ้งท้ายไว้หน่อย สิ่งที่แตกต่างระหว่างผมกับท่านคือ ผมไม่เคย Overtrade จนทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ คือไม่กล้า Cutloss หรือจะต้องมานั่งคิดตอนท้ายว่า เบิ้ลลอทไปขนาดนี้แล้วตายเป็นตายฟร่ะ อย่างนั้นมีแต่ตายกับตาย ผมกำไร 1500 ปอนด์ มันเหมือนจะเยอะ แต่นั่นแค่ 20 % ที่ผมรอจังหวะเทรดนี้มานานมาก เชื่อไหมครับ ผลตอบแทนปีนี้ของผมก็คงจบที่ 20 % นี่แหละครับ

ผลตอบแทนของผมจริง ๆ แล้ว 15- 20 % ต่อปี โดยเฉลี่ย บางปีก็ฟลุ๊ค 30 % – 40 % ก็มีบ้าง แต่แค่ปีละนะ ผมไม่เคยได้กำไร 10 % ต่อเดือนหรอก เดือนนึงมันเป็น 100 % ฝากไว้นะครับ ถ้าหากคุณมีโอกาสกำไร 100 % คุณก็มีโอกาสขาดทุน 100 % (ล้างพอร์ทนั่นแหละ) เหมือนกัน มันถึงเรียกว่า High Risk High Return ยังไงหล่ะครับ

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x