
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อหนังสือ : นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์ (Gone Fishing with Buffett)
ชื่อผู้แต่ง : ฌอน เชีย (Sean Seah)
สำนักพิมพ์ : Live Rich
จำนวนหน้า : 216 หน้า
สารบัญ
- ภาค 1 : เหยื่อ
- ภาค 2 : นักตกปลา
- ภาค 3 : ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
- ภาค 4 : ราคาที่สมเหตุสมผล
- ภาค 5 : การนำไปใช้
เกี่ยวกับผู้เขียน
ฌอน เชีย (Sean Seah) เป็นนักลงทุน นักเขียน และวิทยากรบรรยายด้านการเงินส่วนบุคคลและการลงทุน จบการศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้านบริหารธุรกิจ เริ่มต้นชีวิตการทำงานเป็นข้าราชการและเริ่มลงทุนตามคำแนะนำของคนรู้จัก แต่ด้วยความรู้ที่ไม่เพียงพอและหลงเชื่อแนวทาง “รวยเร็ว รวยลัด” ทำให้เขาสูญเสียเงินจำนวนมากจากการเก็งกำไรในหุ้น หลังจากนั้นเขาเริ่มศึกษาแนวการลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) อย่างจริงจัง และประสบความสำเร็จจนกลายเป็นนักลงทุนที่มีความมั่งคั่ง
บทสรุปเนื้อหา
หนังสือเล่มนี้นำเสนอในรูปแบบเรื่องเล่าผ่านตัวละครสองคน คือชายหนุ่มที่ขาดทุนจากการเก็งกำไรหุ้น กับชายชรานักตกปลาผู้มีปรัชญาการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) เช่นเดียวกับวอร์เรน บัฟเฟตต์ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อชายหนุ่มชื่อฌอนผิดหวังจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้นและสูญเงินไปจำนวนมาก เขาได้พบกับชายชรานักตกปลาที่ท่าเรือโดยบังเอิญ และได้เรียนรู้หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่แท้จริงผ่านบทสนทนาและประสบการณ์ร่วมกับชายชรา
หนังสือแบ่งเป็น 5 ภาค โดยภาคแรกเป็นการเล่าถึงความล้มเหลวในการลงทุนของตัวเอก ภาคที่สองเป็นการพบกับชายชรานักตกปลาและเริ่มเรียนรู้หลักการพื้นฐานของการลงทุนที่ดี ภาคที่สามว่าด้วยการเลือกธุรกิจที่ดีมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ภาคที่สี่เกี่ยวกับการประเมินมูลค่าหุ้นและราคาที่เหมาะสม และภาคสุดท้ายเป็นการนำทฤษฎีไปปฏิบัติจริง
สรุปข้อคิดจากหนังสือ
1. กฎการลงทุนที่สำคัญที่สุด
กฎข้อที่ 1: อย่าขาดทุน กฎข้อที่ 2: อย่าลืมกฎข้อที่ 1
หนังสือเน้นย้ำว่าการขาดทุนมีผลกระทบรุนแรงต่อการลงทุนในระยะยาว หากลงทุน 100,000 บาทและขาดทุน 50% เหลือเพียง 50,000 บาท การจะทำให้เงินกลับมาเท่าเดิมต้องทำกำไรถึง 100% ซึ่งยากกว่ามาก ดังนั้นการปกป้องเงินทุนจึงสำคัญกว่าการได้กำไรมหาศาล
2. มองหุ้นเป็นธุรกิจ ไม่ใช่ตัวเลขบนกระดาน
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าให้ความสำคัญกับการซื้อธุรกิจ ไม่ใช่แค่ซื้อหุ้น นักลงทุนควรศึกษาธุรกิจอย่างถ่องแท้ เข้าใจรูปแบบธุรกิจ ผลประกอบการ และปัจจัยพื้นฐานต่างๆ เหมือนกับการที่เราจะซื้อกิจการทั้งหมด การซื้อหุ้นโดยไม่เข้าใจธุรกิจก็เหมือนกับการพนัน ไม่ใช่การลงทุนที่แท้จริง
3. มองหาธุรกิจที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน (Economic Moat)
ธุรกิจที่มีคูเมืองทางเศรษฐกิจ (Economic Moat) คือธุรกิจที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท:
- ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์
- การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
- ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าคู่แข่ง
- ต้นทุนการเปลี่ยนไปใช้คู่แข่งสูง
- กำแพงทางกฎหมายที่ป้องกันคู่แข่งรายใหม่
การลงทุนในธุรกิจที่มีความได้เปรียบเช่นนี้จะช่วยให้ธุรกิจนั้นสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
4. ลงทุนภายในขอบเขตความเชี่ยวชาญ (Circle of Competence)
นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ควรลงทุนในธุรกิจที่เข้าใจ และอยู่ภายในขอบเขตความเชี่ยวชาญของตนเอง ซึ่งอาจมาจากประสบการณ์การทำงาน ความสนใจส่วนตัว หรือสิ่งที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน การลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าใจจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
5. พิจารณาประสิทธิภาพของธุรกิจจากตัวเลขทางการเงิน
หนังสือแนะนำให้ดูตัวชี้วัดสำคัญในการวิเคราะห์ธุรกิจ เช่น:
- ROE (Return on Equity) หรืออัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ควรสูงกว่า 15% ต่อเนื่อง
- ROA (Return on Assets) หรืออัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ควรมากกว่า 7%
- อัตราส่วนหนี้ระยะยาวต่อกำไรจากการดำเนินงาน ไม่ควรเกิน 5 เท่า
- กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและกระแสเงินสดอิสระควรเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง
6. ระวังสัญญาณอันตรายทางการเงิน
หนังสือเน้นให้ระวังสัญญาณอันตราย 3 ประการคือ:
- หนี้สินที่มากเกินไป (เกิน 5 เท่าของกำไรจากการดำเนินงาน)
- กระแสเงินสดที่ไม่สอดคล้องกับกำไรที่รายงาน (อาจมีการตกแต่งบัญชี)
- ธุรกิจไม่มีอำนาจในการตั้งราคา (ต้องลดราคาเพื่อแข่งขันตลอดเวลา)
7. ซื้อในราคาที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of Safety)
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าให้ความสำคัญกับการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) โดยควรมีส่วนเผื่อความปลอดภัยอย่างน้อย 15% จากมูลค่าที่แท้จริง เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการประเมิน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
8. เข้าใจพฤติกรรมของตลาดในระยะสั้นและระยะยาว
ตลาดหุ้นในระยะสั้นเปรียบเสมือนเครื่องลงคะแนนเสียงที่ตัดสินโดยอารมณ์และความรู้สึก แต่ในระยะยาวตลาดเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักที่จะกลับมาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ นักลงทุนที่เข้าใจหลักการนี้จะไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น และมีความอดทนรอให้ตลาดตระหนักถึงมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ
9. หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น IPO
หนังสือแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น IPO เนื่องจากราคามักถูกกำหนดโดยนักวาณิชธนกิจที่มีข้อมูลมากกว่า และมักไม่สมเหตุสมผลสำหรับนักลงทุนรายย่อย ควรรอให้หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดระยะหนึ่งก่อน เพื่อให้ราคาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงมากขึ้น
10. ใช้พลังของการทบต้นเพื่อสร้างความมั่งคั่ง
การทบต้นเป็นพลังสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว การลงทุนอย่างต่อเนื่องและมีวินัยในธุรกิจดีๆ จะสามารถเปลี่ยนเงินจำนวนน้อยให้เติบโตเป็นเงินจำนวนมากได้เมื่อเวลาผ่านไป
11. อย่าให้ความสำเร็จขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียว
หนังสือแนะนำให้ลงทุนในธุรกิจที่มีระบบและโครงสร้างที่ดี ไม่ได้พึ่งพาความสามารถของผู้บริหารคนใดคนหนึ่ง เพราะบุคลากรที่มีความสามารถอาจลาออกไปได้ตลอดเวลา ธุรกิจที่ดีควรสามารถดำเนินต่อไปได้แม้ไม่มีผู้บริหารคนเดิม
12. สุดท้ายแล้ว คุณค่าชีวิตไม่ได้วัดที่เงิน
หนังสือปิดท้ายด้วยข้อคิดสำคัญว่า เงินเป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น แต่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของชีวิต นักลงทุนควรใช้เวลากับสิ่งที่รัก คนที่รัก และใช้ชีวิตให้มีความหมายมากกว่าแค่การสะสมความมั่งคั่ง
สรุป
“นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์” เป็นหนังสือที่นำเสนอหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) ผ่านเรื่องเล่าที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาการลงทุน หนังสือสอนให้มองหุ้นเป็นธุรกิจ เลือกลงทุนในธุรกิจที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน เข้าใจการวิเคราะห์ธุรกิจจากตัวเลขทางการเงิน และซื้อในราคาที่สมเหตุสมผล
จุดเด่นของหนังสือคือการนำเสนอหลักการที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายผ่านการเล่าเรื่อง ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้แนวทางการลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน พร้อมตัวอย่างที่ชัดเจน อีกทั้งยังสอดแทรกปรัชญาการใช้ชีวิตที่มีคุณค่ามากกว่าแค่การมีเงินเพียงอย่างเดียว
หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นศึกษาการลงทุน หรือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนวิธีคิดจากการเก็งกำไรระยะสั้นมาเป็นการลงทุนระยะยาวอย่างมีหลักการ