
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อหนังสือ : The Richest Man In Babylon: เศรษฐีชี้ทางรวย
ชื่อผู้แต่ง : George S. Clason (จอร์จ เอส. เคลสัน)
ผู้แปล : วรรธนา วงษ์ฉัตร
สำนักพิมพ์ : ทับหนังสือ (tubnangseu)
ปีที่พิมพ์ : ต้นฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก ค.ศ. 1926
จำนวนหน้า : 232 หน้า
หมวดหนังสือ : การเงินส่วนบุคคล, การพัฒนาตนเอง
สารบัญ
- บุรุษผู้ปรารถนาทองคำ
- บุรุษผู้มั่งคั่งที่สุดในบาบิโลน
- การเยียวยาเจ็ดประการสำหรับถุงเงินที่ขาดแคลน
- เทพธิดาแห่งโชคลาภ
- กฎทั้งห้าแห่งทองคำ
- นายทุนเงินกู้แห่งบาบิโลน
- กำแพงแห่งบาบิโลน
- พ่อค้าอูฐแห่งบาบิโลน
- แผ่นจารึกดินเหนียวจากบาบิโลน
สรุปข้อคิดจากหนังสือ
หนังสือ “The Richest Man In Babylon” ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังสือเกี่ยวกับความมั่งคั่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้เขียน George S. Clason ได้นำเสนอหลักการพื้นฐานทางการเงินผ่านรูปแบบนิยายที่สอดแทรกความรู้ เล่าเรื่องราวผ่านนครบาบิโลนในสมัยโบราณ นครที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นที่ต้นกำเนิดหลักการพื้นฐานทางการเงินที่คนยุคปัจจุบันยังคงใช้อยู่
ชาวบาบิโลเนียนเป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดในยุคนั้น พวกเขาเห็นคุณค่าของเงินอย่างมาก และฝึกฝนหลักการทางการเงินจนเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นหลักในการหาเงิน หลักในการเก็บเงิน และหลักในการเอาเงินต่อเงิน ตัวละครหลักของเรื่องคือ อาร์คัต (หรืออาร์กาด) เศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในบาบิโลน ซึ่งได้แบ่งปันหลักการสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้คนรอบข้าง
1. เรื่องราวของอาร์คัต – เศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในบาบิโลน
อาร์คัตเป็นลูกชายของพ่อค้าธรรมดา แม้จะเกิดในตระกูลใหญ่ แต่ไม่มีโอกาสรับสืบทอดมรดกหรือกิจการ ด้วยหลักการทำเงินที่เขาเรียนรู้จากครูบาอาจารย์และประสบการณ์ตรง ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในบาบิโลน
วันหนึ่ง อาร์คัตได้พบกับเพื่อนสมัยวัยเด็กสองคน เพื่อนๆ ต่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จร่ำรวยในขณะที่พวกเขายังคงดิ้นรนทำงานหนักแทบไม่พอเลี้ยงปากท้อง อาร์คัตจึงเล่าถึงความลับสู่ความมั่งคั่งที่เขาได้เรียนรู้มา
2. กฎการทำเงิน 5 ข้อของอาร์คัต (กฎทั้งห้าแห่งทองคำ)
กฎข้อที่ 1: การออมอย่างสม่ำเสมอ
“เงินยินดีที่จะวิ่งเข้ากระเป๋าเงินของใครก็ตามที่เก็บออมไม่น้อยกว่า 1 ส่วนจาก 10 ส่วนของสิ่งที่เขาหามาได้เพื่อลงทุนสำหรับอนาคตของตัวเองและครอบครัวของเขาด้วยความยินดีและจะวิ่งเข้าหาด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
เงินสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับเจ้าของหากมีการเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ คนฉลาดจะเก็บออมรายได้อย่างน้อย 10% ของรายได้ทั้งหมดที่หามาได้ เงินที่เก็บออมไว้จะงอกเงยและเพิ่มพูนขึ้นโดยการลงทุนอย่างชาญฉลาด
กฎข้อที่ 2: การลงทุนเพื่อให้เงินทำงาน
“เงินจะทำงานอย่างหนักด้วยความสม่ำเสมอให้กับเจ้าของผู้ปราดเปรื่องของมันที่รู้จักนำมันไปลงทุนให้ออกดอกออกผล ยิ่งมันได้ทำงานมันจะยิ่งออกลูกออกหลานทวีคูณขึ้นราวกับฝูงสัตว์ในท้องทุ่ง”
เงินเป็นเครื่องมือที่ทำงานให้เจ้าของได้อย่างซื่อสัตย์และสม่ำเสมอ เมื่อนำไปลงทุนอย่างฉลาด มันจะงอกเงยและสร้างรายได้เพิ่มเติม ซึ่งเมื่อนำไปลงทุนต่อก็จะยิ่งเพิ่มมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การรู้จักให้เงินทำงานจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความมั่งคั่ง
กฎข้อที่ 3: การขอคำปรึกษาจากผู้รู้
“เงินชอบอยู่ในความคุ้มครองของเจ้าของที่รอบคอบระมัดระวัง ผู้ที่ลงทุนมันตามคำแนะนำของผู้ที่รอบรู้จริงเรื่องการบริหารจัดการ”
เงินชอบเจ้าของที่รอบคอบและระมัดระวัง ผู้ที่ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์เรื่องการบริหารเงินจะเรียนรู้วิธีปกป้องสมบัติของตนและสร้างผลตอบแทนที่ดี การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
กฎข้อที่ 4: หลีกเลี่ยงการลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้จัก
“เงินชอบที่จะเล็ดลอดออกจากกระเป๋าเงินของคนที่ลงทุนในสิ่งที่เขาไม่รู้หรือไม่เคยทำมาก่อนหรือไม่ได้รับการเห็นชอบจากผู้เชี่ยวชาญ”
คนที่มีเงินแต่ไม่มีความรู้ในการลงทุนมักจะเห็นว่าทุกอย่างน่าลงทุน ซึ่งบ่อยครั้งเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่ง ความเสี่ยงซึ่งหากวิเคราะห์โดยผู้มีประสบการณ์จะพบว่าโอกาสทำกำไรน้อยมาก ดังนั้น ควรลงทุนในสิ่งที่เข้าใจและมีความเชี่ยวชาญ หรือขอคำแนะนำจากผู้รู้ก่อนตัดสินใจ
กฎข้อที่ 5: หลีกเลี่ยงการลงทุนเพ้อฝัน
“เงินจะหลบหนีจากคนที่ละโมบโลภมากผู้ชื่นชอบการลงทุนขายฝันหรือคนที่เชื่อในคำลวงหลอกสวยงามและความไร้ประสบการณ์ของตนเอง”
ข้อเสนอที่ดูน่าตื่นเต้นหรือสัญญาว่าจะทำให้รวยในชั่วข้ามคืนมักจะเป็นกับดัก ผู้ลงทุนควรระวังความโลภและหลีกเลี่ยงการลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินความเป็นจริง การรับฟังคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์จะช่วยให้มองเห็นความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
3. เจ็ดวิธีเยียวยาถุงเงินที่ว่างเปล่า
วิธีที่ 1: เริ่มพอกพูนเงินทุกงวดด้วยการหัก 10% จากรายได้มาเก็บออมก่อนนำไปใช้จ่าย
คนส่วนใหญ่มักใช้จ่ายก่อนแล้วค่อยเก็บออมเมื่อมีเงินเหลือ ซึ่งมักจะไม่เหลือเก็บเลย วิธีที่ถูกต้องคือ ให้หักเงินออม 10% จากรายได้ทันทีที่ได้รับ ก่อนนำไปใช้จ่าย การเก็บออมเป็นด่านแรกของการสร้างความมั่งคั่ง
วิธีที่ 2: ควบคุมการใช้จ่าย
ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ควรทำการบันทึกค่าใช้จ่ายเพื่อให้เห็นภาพรวมว่าเงินถูกใช้ไปกับอะไรบ้าง แล้วตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก การควบคุมค่าใช้จ่ายคือการใช้เงินที่เหลือ 90% อย่างฉลาดและมีวินัย
วิธีที่ 3: ทำให้เงินทวีคูณ
เมื่อเก็บออมและควบคุมค่าใช้จ่ายได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการนำเงินออมไปลงทุนให้งอกเงย อย่าเก็บเงินไว้เฉยๆ ต้องศึกษาวิธีการลงทุนเพื่อให้เงินทำงานต่อไป นี่คือวิธีการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
วิธีที่ 4: ปกป้องทรัพย์สินจากการสูญเสีย
เมื่อเริ่มมีเงินออมที่พอกพูนขึ้น ต้องรู้จักประเมินความเสี่ยงก่อนการลงทุน ต้องมีความรู้เพียงพอและพิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีโอกาสทำกำไรหรือขาดทุนมากน้อยเพียงใด การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญ
วิธีที่ 5: ทำให้เคหสถานเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
การมีบ้านเป็นของตัวเองถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว บ้านไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา และเป็นสถานที่พักผ่อนเมื่อยามเหนื่อยล้า
วิธีที่ 6: วางแผนรายได้สำหรับอนาคตและยามชรา
ต้องเตรียมเงินไว้ใช้เมื่อถึงวัยเกษียณ การซื้อประกัน การลงทุนระยะยาว หรือการสร้างแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนล้วนเป็นวิธีการที่ช่วยให้มีความมั่นคงทางการเงินในวัยชรา แม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัวก็ยังมีหลักประกัน
วิธีที่ 7: เพิ่มพูนความสามารถในการหาเงิน
การพัฒนาตนเองอยู่เสมอคือกุญแจสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น แสวงหาทักษะใหม่ๆ ที่จะสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการทำงานหรือการบริหารเงิน การเรียนรู้ตลอดชีวิตจะทำให้ค้นพบโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างความมั่งคั่ง
4. เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
หนังสือกล่าวถึงความโชคดีและโชคร้ายที่เข้ามาในชีวิตคน เมื่อเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จ เรามักคิดว่าเขามีโชค แต่ความจริงแล้ว ความสำเร็จมาจากความพยายาม ความเพียร และการเตรียมพร้อมรับโอกาส
โชคเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แทนที่จะรอโชค เราควร “ลงมือเตรียมสภาพแวดล้อมให้เกิดความโชคดี” ผ่านการเรียนรู้ พัฒนาความสามารถ และลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม โอกาสดีๆ ก็จะเข้ามา
5. การปลดหนี้และจิตวิญญาณแห่งเสรีชน
หนังสือยังกล่าวถึงเรื่องการเป็นหนี้และวิธีการปลดหนี้ ในสมัยบาบิโลน ผู้ที่เป็นหนี้และไม่สามารถชำระได้อาจต้องกลายเป็นทาส แต่ด้วยจิตวิญญาณแห่งเสรีชน ความมุ่งมั่น และการไม่ยอมแพ้ คนเหล่านั้นสามารถหาทางปลดหนี้และกลับมามีอิสรภาพได้
บทเรียนสำคัญคือ อย่ายอมแพ้แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด จงมองหาศักยภาพและทรัพยากรที่มี ไขว่คว้าโอกาสเพื่อปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการของหนี้สิน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีกว่าคือการไม่ก่อหนี้โดยไม่จำเป็นตั้งแต่แรก
6. ข้อคิดเรื่องการวางแผนการเงิน
สรุปหลักการสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งตามแนวทางของหนังสือ:
- ออมก่อนใช้จ่าย: เก็บออมอย่างน้อย 10% ของรายได้ก่อนนำไปใช้จ่าย
- ควบคุมค่าใช้จ่าย: ใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้ เน้นสิ่งจำเป็น ตัดสิ่งฟุ่มเฟือย
- เงินทำงาน: นำเงินออมไปลงทุนให้เกิดดอกผล ไม่เก็บไว้เฉยๆ
- ลงทุนอย่างฉลาด: ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ ไม่เสี่ยงกับธุรกิจที่ไม่รู้จัก
- ขอคำปรึกษา: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
- วางแผนระยะยาว: เตรียมเงินสำหรับอนาคตและวัยเกษียณ
- พัฒนาตนเอง: เพิ่มทักษะและความสามารถเพื่อสร้างรายได้ที่สูงขึ้น
- หลีกเลี่ยงความโลภ: ไม่หลงกลโครงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเกินจริง
- วินัยและความสม่ำเสมอ: ทำตามหลักการอย่างต่อเนื่องและมีวินัย
- มองการณ์ไกล: คิดถึงอนาคตและวางแผนไว้ล่วงหน้า
สรุป
“The Richest Man In Babylon” นำเสนอหลักการทางการเงินที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังผ่านเรื่องเล่าในสมัยโบราณ แม้จะเขียนขึ้นเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว แต่หลักการเหล่านี้ยังคงใช้ได้กับสังคมปัจจุบัน
จุดเด่นของหนังสือคือ การนำเสนอความรู้ทางการเงินในรูปแบบนิยายที่เข้าใจง่าย น่าติดตาม และจดจำได้ง่าย หลักการของอาร์คัตเน้นเรื่องการเก็บออม การควบคุมค่าใช้จ่าย การลงทุนอย่างฉลาด และการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
แก่นแท้ของหนังสือคือ การสร้างวินัยทางการเงิน การมองการณ์ไกล และการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ความมั่งคั่งไม่ได้มาจากโชคหรือการลงทุนที่เสี่ยง แต่มาจากการทำตามหลักการพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนรู้เรื่องการเงิน หรือผู้ที่ต้องการทบทวนหลักการพื้นฐานในการสร้างความมั่งคั่ง ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน หลักการเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคงและนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินในที่สุด